7/19/2554

เธอ...ผู้พลีกาย เพื่อแผ่นดิน

       
       ใบหน้าของโจน ออฟ อาร์ค มีแววแห่งความวิตกกังวลนานาประการ เป็นใบหน้าของผู้ที่กำลังแบกภาระอันใหญ่หลวงอยู่เฉพาะหน้า ไหนจะต้องห่วงในเรื่องสงคราม ไหนจะต้องกังวลใจต่อเพื่อนร่วมชาติของเธอ ที่ไม่พยายามเข้าใจเธอในแง่ดี คล้ายกับบุคคลที่ท้อแท้อย่างหมดหวัง แต่แม้กระนั้น เธอยังยึดมั่นในอุดมการณ์ ซึ่งต้องกระทำต่อไปให้สำเร็จ....
      
       เธอเชิดหน้าอย่างอาจหาญ หลังที่ห่องุ้มลงอยู่เช่นนั้นแสดงถึงการคารวะในพระผู้เป็นเจ้า และคล้ายกับเธอกำลังอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในใจ เพื่อขอความคุ้มครอง ดวงจันทร์ที่ลอยเด่นกระจ่างณ เบื้องหลังราวกับจะเป็นลักษณะดวงจิตอันแกร่งกล้าของเธอ ที่พร้อมจะเสียสละให้แก่ประเทศชาติได้ทันที เมื่อถึงโอกาสนั้น.....
      
       คำกล่าวถึงภาพเขียนโจน ออฟ อาร์ค ที่อาจารย์ น. ณ ปากน้ำเคยบรรยายไว้เมื่อครั้งได้เห็นภาพเขียนฝีมือจิตรกรดังคนหนึ่ง บรรจงร่างภาพของโจน ออฟ อาร์ค ด้วยแบบฉบับเฉพาะตัวที่คล้ายเด็กวาดแต่เต็มไปด้วยการใช้สีและแฝงอารมณ์ที่มีความหมายอย่างลึกซึ้ง....
      
       เรื่องราวของหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งผู้ซึ่งกลายมาเป็นนักบุญในกาลต่อมา ทำให้ผู้ผลิตภาพยนตร์ต่างก็สนใจนำมาเสนอลงบนแผ่นฟิล์มหลายยุคหลายสมัย นับตั้งแต่ปี 1900 เรื่อยมาจนกระทั่งถึงปี 1999
      
       มีผู้สันนิษฐานว่าโจน ออฟ อาร์คเกิดเมื่อวันที่ 6 มกราคมปี 1412 ในแถบที่ราบของแคว้นลอแรนซ์ ทางภาคตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส ในครอบครัวชาวนา ตระกูล ดาร์ก ในระหว่างสงครามร้อยปีระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส
      
       ชีวประวัติของเธอผู้นี้เป็นที่กล่าวขานไปหลากหลายแง่มุม บ้างก็ว่านางเป็นลุกชาวนาที่น่าสงสาร เมื่ออายุได้ 13 ปี เธอก็ได้ยินพระสุรเสียงของพระผู้เป็นเจ้าในโบสถ์ของหมู่บ้านดงเรอมี Domremy ซึ่งคือบ้านเกิดของเธอ...
      
       เสียงนั้นบอกให้เธอรับพลังวิเศษจากพระเจ้าไปขับไล่พวกอังกฤษออกจากแผ่นดินฝรั่งเศส และภารกิจถัดจากนั้นคือสถาปนารัชทายาทฝรั่งเศสให้ขึ้นครองราชย์ให้สำเร็จ และเสียงนั้นยังบอกเธอต่อไปด้วยว่าให้เธอเข้าพบกับเสียงได้บอกเธอไปหานายทหารชื่อ โรเบอร์ต เดอะ โบ ดริคอร์ท ผู้ซึ่งควบคุมเมืองแวนคูเลียส์ที่อยู่ใกล้ๆ
      
       ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะเย้ย โจนก็กลายเป็นนายทหารคนหนึ่งในกองทัพฝรั่งเศส เธอสวมชุดนักรบเฉกเดียวกับนายทหารคนอื่นๆ ขณะนั้น โจนมีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น ท่ามกลางการขาดขวัญและกำลังใจในการสู้รบกับกองทัพอังกฤษ เพราะบัลลังค์ฝรั่งเศสเวลานั้นอ่อนแอ
      
       แต่เพราะ เธอผู้นี้...โจน ออฟ อาร์ค สตรีผู้เต็มเปี่ยมด้วยความกล้าและเด็ดเดี่ยว เธอสามารถนำทัพบุกถล่มกองทัพอังกฤษอย่างดุเดือด ทำให้อังกฤษกลับเป็นฝ่ายเสียขวัญบ้าง ขนาดพ่ายแพ้ในสมรภูมิครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งทางการอังกฤษตั้งค่าหัวเธอเป็นเงินจำนวนมาก...
      
       โจน ทำตามเสียงแห่งสวรรค์สำเร็จ เธอนำพาทัพฝรั่งเศสกู้ชาติได้สำเร็จและสถาปนากษัตริย์พระองค์ใหม่พระเจ้าชาร์ล ที่ 7 แต่ผลของทุ่มเทชีวิตและจิตใจที่บริสุทธิ์ของเธอในครั้งนี้ เธอได้รับผลตอบแทนที่สาหัสเหลือเกิน...
       
       เสียงแห่งสวรรค์เตือนโจนว่าเธอจะถูกจับกุม และมันก็เป็นตามนั้นจริงๆ ในระหว่างการต่อสู้เธอตกเป็นเชลยของเบอร์กัน ดี พันธมิตรของอังกฤษ จากนั้นเธอก็ถูกขายให้อังกฤษ ด้วยการณ์นี้ทำให้เธอตระหนักว่า เธอไม่ได้รับความจริงใจจากกษัตริย์ฝรั่งเศสแต่อย่างใด ฝรั่งเศสในเวลานั้นเมินเฉยต่อการถูกจับกุมของเธอ...
      
       ซ้ำร้ายเมื่อเธอถูกตัดสินประหารชีวิต ด้วยวิธีที่แสนทรมาน เผาทั้งเป็นที่ประเทศอังกฤษ ฐานกระทำตนเป็นแม่มด กษัตริย์แห่งฝรั่งเศสซึ่งขณะนั้นมีอำนาจพอที่จะยับยั้งโทษประหารได้ ก็กลับนิ่งเฉย โดยไม่มีการช่วยเหลือใด จากฝรั่งเศสให้กับเธอผู้นี้เลย ..เธอผู้ทุ่มเททั้งชีวิต เพื่อปกป้องแผ่นดินฝรั่งเศสและคนฝรั่งเศสให้ได้รับชัยชนะจากอังกฤษ.... แต่ ชะตาชีวิตของเธอ กลับต้องมาพบจุดจบเช่นนี้
      
       ด้วยข้อหาขัดต่อความเชื่อของพระศาสนา และด้วยเหตุผลทางการเมือง ทำให้เวลานั้นโจนได้สู้ความด้วยตัวเธอเอง จากข้อกล่าวหาฉกรรจ์หลายกระทง ด้วยความเที่ยงธรรม ความกล้าหาญ และปรีชาญาณ พระสังฆราชแห่งเมืองบิวเวส์เป็นผู้ตัดสินคดี และได้ลงโทษเผาโจนทั้งเป็นที่หลักประหาร โดยข้อหาเธอมีความเชื่อขัดกับพระศาสนา
      
       ด้วยความหวาดหวั่น โจนเซ็นชื่อถอนคำพูดบางส่วน แต่ด้วยกำลังใจจากเสียงแห่งสวรรค์ เธอได้ยกเลิกการเซ็นชื่อนั้น ก่อนตาย โจนได้ให้อภัยศัตรูของเธอ และได้ขออภัยสำหรับความผิดพลาดที่เธอได้เคยทำ เธอได้ขอให้คนช่วยชูไม้กางเขน เพื่อเธอจะได้มองเห็นองค์พระเจ้าในวาระสุดท้ายของชีวิต ขณะที่เพลิงค่อยๆ ลามเลียตัวเธอ โจนได้เปล่งเสียง เพรียกพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งร่างของเธอมอดไหม้.....
      
       ยี่สิบห้าปีต่อมา ในปี 1456 ศาสนศาลได้ประกาศว่า การขึ้นศาลของโจนและการตัดสินลงโทษเธอ เป็นโมฆะเนื่องจากบิดเบือนความจริง และผิดกฎหมาย ทั่วประเทศฝรั่งเศสได้มีขบวนแห่ระลึกถึงวีรกรรมของโจน ในการกู้ชาติ ในปี 1909 นักบุญพระสันตะปาปาปิโอที่ 10 ได้แต่งตั้งโจนเป็นบุญราศี และในปี 1920 พระสันตะปาปาเบเนดิกที่ 15 ได้แต่งตั้งเธอเป็นนักบุญ และวันระลึกถึงเธอ คือ วันที่ 30 พฤษภาคม 1431 ซึ่งเป็นวันฉลองนามนักบุญของเธอ
      
       โจน ออฟ อาร์ค วีรสตรีที่กลายเป็นนักบุญผู้นี้ เป็นแบบอย่างที่ทำให้เราได้เห็นถึง ความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์อย่างบริสุทธิ์ในดวงจิต ประกายไฟที่โชติช่วงในการกอบกู้วิญญาณของแผ่นดินและการกระทำตามประสงค์ของเสียงแห่งสวรรค์....เสียงที่มีไม่กี่คน ที่จะได้ยิน.....


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น