7/19/2554

บทสนทนา...


เมื่อเดือนก่อนดิฉันมีศิลปินหญิงชาวญี่ปุ่นเดินทางมาพำนักอยู่ที่บ้าน เป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่มีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มนปช.  ก่อนหน้านี้ศิลปินหญิงมิโดริ คาโดคูระ ได้รับเชิญให้เป็นศิลปินพำนักที่ประเทศพม่า เมืองย่างกุ้งเป็นเวลาหนึ่งเดือน

มิโดริ คาโดคูระ (midori kadokura) เกิดที่เมืองไซตามะ ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 1984 ,จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยศิลปะ มูซาชิโนะ ในสาขานโยบายและการจัดการทางศิลปะในปี 2007 เธอเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครในเทศกาลศิลปะแสดงสดของญี่ปุ่น NIPAF ตั้งแต่ปี 2004 และยังเคยร่วมกิจกรรมทางศิลปะไม่เพียงแต่เทศกาลในญี่ปุ่นเท่านั้น ในต่างประเทศเช่นศิลปะแสดงสดแลกเปลี่ยนเวียดนาม ญี่ปุ่น,ศิลปะแสดงสดญี่ปุ่น สิงคโปร์, และศิลปะแสดงสดแลกเปลี่ยนพม่าและญี่ปุ่น ,ศิลปะแลกเปลี่ยนระหว่างเอเชียและอเมริกาใต้ในประเทศชิลี ,นอกจากนั้นเธอยังเดินทางไปแสดงยังประเทศต่างๆ เช่น กัวลาลัมเปอร์,มาเลเซีย, ล่าสุดเธอได้รับคัดเลือกจาก New Zero Art space ที่ประเทศพม่าให้เป็นศิลปินพำนักเป็นเวลา 1 เดือน ก่อนจะเดินทางมายังกรุงเทพฯ ค่ะ

เธอเล่าให้ฟังว่าที่ย่างกุ้งเธอใช้เวลาศึกษาวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นั่นก่อนจะผลิตงานศิลปะเพื่อแสดง ที่นั่นเธอทำศิลปะแสดงสดชุด fly me เธอใช้เรือนร่างของตัวเองโผบินไปเรื่อยๆ บนก้อนอิฐ สองมือจับแน่นอยู่ที่เชือกสีดำ เธอโผอยู่เช่นนั้นเป็นเวลากว่าชั่วโมง เธอรู้...ว่าแท้จริงแล้วเธอไม่อาจบินได้!!

ส่วนงานแสดงติดตั้งจัดวางของเธอนั้น เธอเล่าว่า เธอใช้เสื้อยืดสีขาวสกรีนคำว่า เสรีภาพ เป็นภาษาอังกฤษและภาษาพม่า จากนั้นเธอนำมาสวมเข้ากับเก้าอี้พลาสติกสีแดงจำนวน 100 ตัว ผลงานของเธอชุดนี้ไม่ได้รับการอนุญาตให้จัดแสดงที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่าจากคณะกรรมการพิจารณาผลงานของประเทศ เนื่องจากมีความหมิ่นเหม่ต่อความมั่นคง!!

เธอเดินทางออกมาจากประเทศพม่าเพื่อมาพำนักอยู่กับดิฉันและมีการพูดคุยพร้อมทำงานศิลปะแสดงสดให้กับนักศึกษาศิลปะหนึ่งครั้งที่กรุงเทพฯ  เราแลกเปลี่ยนเรื่องวัฒนธรรม วิถีชีวิตปัจจุบันของกันและกัน ด้วยวัย 25 ปี ของเธอกับมุมมองที่น่าสนใจแตกต่างไปจากเพื่อนญี่ปุ่นคนอื่นที่มีอายุมากกว่าเธอ

ในชั้นเรียนวันนั้นเธอเล่าเรื่องวิธีคิดในการทำงานของเธอกับเรื่องส่วนตัวที่เธอนำมาร้อยเรียงเป็นงานศิลปะ เธอเล่าถึงแม่ที่ไม่ยอมพูดกับใครนับตั้งแต่เธออายุได้ 4 ขวบ แม่ของเธอไม่ใช่พูดไม่ได้หรือหูไม่ยิน แต่...เธอเลือกที่จะไม่พูด!

มิโดริเล่าว่าตลอดเวลาที่เธอเติบโตมาในครอบครัว เธอต้องอยู่กับแม่ที่ไม่พูดและเธอค่อยๆเรียนรู้สัมผัสรักจากแม่ด้วยอากัปกริยาทางร่างกายและสายตา เธอนำมันผ่านสู่งานศิลปะได้เศร้าอย่างงดงามทีเดียวค่ะ งานชุดหนึ่งที่เธอเคยแสดงที่ประเทศญี่ปุ่น เธอปั้นก้อนดินเหนียวขึ้นเป็นรูปบ้าน จากนั้นเธอยกมันขึ้นสุดมือ ก่อนปล่อยมันตกลงพื้น  ดินเหนียวรูปบ้านค่อยๆ แปรรูปแปลงร่างเป็นอื่น...แต่อุปมาที่เธอวาดไว้ ดินเหนียวก็คือครอบครัว ต่อให้มันถูกเปลี่ยนรูปร่างไปเท่าไร ดินเหนียวก็ยังคงเป็นดินเหนียวเช่นนั้น...

ที่กรุงเทพฯ เธอทำงานชุด สนทนา( conversation) เริ่มด้วยโต๊ะยาวปูผ้าขาว เธอจัดวางเก้าอี้นั่งสองตัวในด้านตรงข้ามฝั่งทางยาว วางจานไว้ฝั่งละหนึ่งใบ จานสีขาวด้านหนึ่งมีผลมะเขือเทศวางกึ่งกลาง จานสีขาวอีกด้านหนึ่งมีเม็ดบ๊วยวางกึ่งกลางเช่นกัน

เธอเริ่มต้นงานด้วยการแนบใบหน้าเคล้าคลึงไปกับผลมะเขือเทศ ก่อนจะกัดกินมันด้วยปากแล้วบ้วนมันออกมาที่จานใบเดิม เช่นเดียวกันเธอเดินมาอีกฟากฝั่งเธอขบเม็ดบ๊วยแตกด้วยฟัน เคี้ยวก่อนจะบ้วนลงมาที่จานดังเดิม  เธอหันกลับไปยังฝั่งมะเขือเทศดูดกลืนมันเข้าปากเคี้ยวแล้วบ้วนอีกครั้งหนึ่ง ก่อนขยับจานมาเบื้องหน้าเข้าสู่กึ่งกลางของโต๊ะ เธอทำเช่นเดียวกันนี้กับจานที่ใส่เม็ดบ๊วย
ที่กึ่งกลางของโต๊ะสีขาวตัวนั้น มีแก้วน้ำวางอยู่ มิโดริค่อยเคี้ยวแล้วบ้วนทั้งผลมะเขือเทศและเม็ดบ๊วย กระทั่งมาถึงแก้วน้ำ เธอบ้วนทั้งสองสิ่งที่ในแก้วเดียวกัน ก่อนที่จะหยิบแก้วนั้นดื่มจดหมด....

การแสดงชุดสนทนาของเธอครั้งนี้ก่อให้เกิดความคิดมากมายค่ะ ทุกครั้งที่ดิฉันเหนื่อยหน่ายและหดหู่กับภาวะทางสังคมที่เราต่างก็ต้องเผชิญกันอยู่ขณะนี้ ดิฉันอยากมองหาใครสักคนที่จะเป็นตัวแทนเคี้ยวแล้วบ้วนเคี้ยวแล้วบ้วนกระทั่งต้องกลืนทั้งสองฝั่งฝ่ายเข้าไว้ด้วยกัน เหมือนเช่นงานของมิโดริ คาโดคูระ ชุดนี้



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น