7/19/2554

นกสองหัว

นกสองหัว ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 กล่าวไว้ว่า หมายถึง คำที่ทำตัวฝักใฝ่เข้าด้วยทั้งสองฝ่าย ที่ไม่เป็นมิตรกันโดยหวังประโยชน์เพื่อตน....
      
       ที่ดิฉันยกคำนี้มาเพื่อจะเล่าเรื่องของผู้หญิงคนนี้ค่ะ เธอถูกกล่าวหาว่าเป็น นางนกสองหัว เมื่อครั้งเกิดสงครามโลกครั้งที่1 ในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1914 – 1918 ที่เป็นความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจยุโรปสองค่าย คือฝ่ายเยอรมันนี ออสเตรีย ฮังการี และอิตาลี กับอีกฝ่ายหนึ่งคืออังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย ซึ่งภายหลังรัสเซียถอนตัวไปแล้วสหรัฐอเมริกาเข้ามาแทนที่
      
       ผู้หญิงที่จะพูดถึงวันนี้ เธอชื่อ มาตา ฮารีค่ะ Mata Hari เดิมเธอชื่อ มาร์กาเรท เกอร์ทรูด เซลเล Margarethe Geertruida Zalle เป็นชาวเนเธอร์แลนด์โดยกำเนิด โดยบ้านเกิดของเธออยู่ที่เมืองลีวาร์เดน Leeuwarden ในวันที่ 7 สิงหาคม ปี 1876
      
       พ่อของเธอเป็นช่างทำหมวกและละทิ้งครอบครัวไปอยู่กับหญิงอื่น และแม่ของเธอก็เสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน ในช่วงที่เธออายุได้เพียง 15 ปีซึ่งเธอได้เผชิญกับช่วงชีวิตที่เลวร้ายครั้งหนึ่ง
      
       เมื่ออายุได้ 18 ปี มาร์กาเรทตัดสินใจแต่งงานกับนายทหารเรือและย้ายถิ่นอาศัยตามสามีไปอยู่ที่เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย ทั้งคู่มีลูกด้วยกันสองคน แต่ลูกของเธอก็เกิดป่วยและเสียชีวิตในเวลาต่อมา สามีของเธอเองก็มีข่าวรักเร้นกับพี่เลี้ยงของลูก มาร์กาเรทเองก็เริ่มป่วยเป็นไทฟอยด์ แต่เธอก็ยังมีชีวิตรอดต่อมา
      
       ที่เกาะชวานี้เองที่เธอเริ่มศึกษาการร่ายรำศักดิ์สิทธิ์ของฮินดู จากเทวสถานที่นั่น แล้วค่อยๆ พัฒนาลีลาที่กลายมาเป็นแบบฉบับของตัวเอง เธอร่ายรำม้วนลำตัวแสดงความเป็นผู้หญิง คล้ายระบำหน้าท้อง เธอเคยอธิบายการร่ายรำของตัวเองว่า เป็น บทกวีอันศักดิ์ศิทธิ์ ด้วยการเคลื่อนไหวแต่ละลีลาเป็นเสมือนคำที่ขีดเส้นใต้ไว้ด้วยดนตรี.....
      
       หลังจากสามีของเธอเกษียณอายุราชการในปี 1900 เธอตัดสินใจจะย้ายกลับมาอยู่ยุโรปที่ ที่มาร์กาเรทปรารถนาได้ไปอาศัยคือปารีส แต่ครอบครัวของเธอทั้งหมดอพยพกลับมายังอัมสเตอร์ดัมในปี 1902 โดยสามีของเธอขอแยกทางกับเธอและกลายเป็นคนติดแอลกอฮอล์ ขณะที่มาร์กาเรทตัดสินใจทิ้งลูกอีกคนของตัวเองไว้กับญาติของเธอแล้ว มุ่งหน้าสู่กรุงปารีสโดยไม่เคยหันหลังกลับไปมองอดีตของเธออีกเลย....
      
       เธอมาถึงกรุงปารีสด้วยร่างกายที่สวยสดงดงาม และเข้าไปทำงานหลากหลายอาชีพไม่ว่าจะเป็นคณะละครสัตว์ เป็นนางแบบให้จิตรกรเขียนภาพ แต่ทั้งหมดทั้งมวลของอาชีพเหล่านี้ ไม่เคยสร้างรายได้ที่พอเพียงให้แก่เธอเลย
      
       เธอจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปเนเธอร์แลนด์อีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเด็ดเดี่ยวหันมาตายเอาดาบหน้าที่ปารีสอีกครั้ง ในครั้งนี้เธอพบกับ Baron Henry de Marguerie บุรุษผู้ซึ่งทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปทันที...ทั้งวิถีชีวิต อาชีพการงานและเงิน
      
       เธอเปลี่ยนชื่อตัวเองมาเป็น มาตา ฮารี ด้วยมีความหมายว่า แสงแห่งตะวัน และเธอก็เปลี่ยนประวัติชีวิตตัวเองว่ามีบิดาเป็นชาวชวาและมีแม่เป็นชาวดัชท์ การแสดงที่พิพิธภัณฑ์กุยเมต์ (Guimet Museum) ในวันที่ 13 เดือนมีนาคม ปี 1905 ส่งผลให้เธอโด่งดังชั่วข้ามคืน ด้วยลีลาการเต้นที่แสนยั่วยวน มีเสน่ห์ ลึกลับและน่าหลงใหล
      
       เธอกลายเป็นนางแบบที่ถูกถ่ายภาพลงหนังสือจนโด่งดังไปทั่วปารีส เธอกลายเป็นนักแสดงหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยเป็นศิลปินนักเต้นที่โด่งดังไปหลายประเทศในแถบยุโรป และมีความสัมพันธ์กับผู้ชายหลากหลายคน โดยเฉพาะเหล่าบรรดานายทหารระดับสูง ข้าราชการ นักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นชาวฝรั่งเศส รัสเซียและเยอรมัน
      
       มาตาฮารี เริ่มต้นการเป็นสายลับด้วยการทำงานให้กับกองทัพเยอรมัน และต่อมา ในช่วงปี 1916 เธอไปตกหลุมรักนายทหารหนุ่มรัสเซีย เธอจึงเปลี่ยนข้างของการจงรักภักดีมาอยู่อีกฟากหนึ่งตามความลุ่มหลงของตัว เธอเริ่มต้นทำงานเป็นสายลับให้กับฝรั่งเศส ในขณะเดียวกัน เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธงานจากฟากเยอรมัน ดังนั้น เธอจึงทำงานเป็นสายลับให้กับทั้งสองฟากฝ่าย....
      
       เธอเดินทางจากเนเธอร์แลนด์ไปยังสเปน และอังกฤษ และเธอหวังว่าเธอจะไปสิ้นสุดการเดินทางของตัวเองที่เบลเยี่ยมและเยอรมันนี แต่แล้วก็ไม่เป็นไปตามที่เธอหวัง ขณะที่เธอพักอยู่ที่อังกฤษ เธอถือหนังสือเดินทางชาวดัชท์ ที่นั่นเจ้าหน้าที่อังกฤษรู้สึกสับสนกับชื่อเต็มของเธอกระทั่งกลายเป็นเรื่องราว เธอถูกส่งตัวกลับมายังสเปน และนับแต่นั้นกองทัพเยอรมัน ก็เริ่มไม่ไว้วางใจเธอ กระทั่ง วันที่เธอเดินทางกลับมายังปารีสในวันที่ 13 เดือนกุมภาพันธ์ปี 1917 เธอจึงถูกจับที่นั่น...
      
       มาตาฮารี เป็นสายลับด้วยการใช้ความสามารถในการร่ายรำของตัวเองผนวกกับความเป็นสาวสะพรั่ง ล้วงความลับจากบรรดานายทหารหนุ่มมาขายเพื่อยังชีพ ในระหว่างที่เธอถูกจับกุม เธอถูกสอบสวนและล่วงรู้ความลับว่าเธอเป็นสายลับให้ทั้งฝ่ายมหาอำนาจกลาง(เยอรมัน)และฝ่ายพันธมิตร(ฝรั่งเศส อังกฤษ)
      
       ในที่สุดมาตา ฮารีก็ถูกจบชีวิตด้วยการถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ปี 1917 เรื่องราวของเธอถูกเล่าขานกันมาหลากหลาย ทั้งมุมมองสวยงามที่เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กล้าหาญด้วยการใช้เรือนร่างเข้าแลกกับความลับของกองทัพต่างๆ ได้อย่างไม่มีใครสงสัย และกระแสหนึ่งที่เล่ากันมาว่า เธอเป็นนางนกสองหัวผู้ไม่เคยจงรักภักดีใครอย่างจริงใจ หวังเพียงเพื่อประโยชน์และความอยู่รอดของตัวเองเท่านั้น.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น