7/19/2554

แมว นำโชค....

       ปีหนู ปีนี้...เป็นปีที่ใครต่อใครทำนายทายทักกันว่าเป็นปีที่บ้านเมืองระส่ำระสาย ไม่ค่อยสงบ ยิ่งอ่านคำทำนายจากโหราจารย์หลายๆท่าน ก็ยิ่งทำให้รู้สึกใจไม่ดี.... เราจะมีพื้นที่หยัดยืนบนแผ่นดินนี้ อย่างสงบร่มเย็นกันได้บ้างไหม..ถือเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป...
      
       เมื่อนึกถึงหนู ก็ต้องนึกไปถึงสัตว์ที่คอยกำราบและอยู่ฟากตรงข้ามกับหนูเสมอมา.. นั่นก็คือ แมวค่ะ หวนย้อนถึงการ์ตูนยอดนิยมวัยเด็กของตัวเอง ทอมแอนด์เจอร์รี่...ที่เจ้าแมวทอมผู้คอยวิ่งไล่จับหนูอย่างเจอร์รี่นั้น ไม่เคยชนะได้เลยสักครั้งเดียว ความสนุกของการ์ตูนเรื่องนี้ ก็อยู่ตรงลูกล่อลูกชนของเจ้าหนูเจอร์รี่นี่ล่ะค่ะ ที่คิดหาหนทางเอาตัวรอดได้ตลอดเวลา...
      
       พูดถึงแมวแล้ว...ในหลากวัฒนธรรม ต่างก็มีความเชื่อเรื่องแมวมากมาย นับตั้งแต่สมัยอียิปต์ ที่เรายังพบหลักฐานมัมมี่แมวให้เห็นกันถึงปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะหนึ่งในเทพของอียิปต์ก็มีส่วนศีรษะเป็นแมวด้วยเหมือนกัน
      
       และด้วยความเชื่อของขาวอียิปต์โบราณว่าแมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นเทพเจ้าจำแลงมาเกิด ซึ่งเทพเจ้านี้มีร่างกายเป็นสตรีและมีศีรษะเป็นแมว ชื่อ พาชต์ (Pasht) ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งแสงสว่าง ความร้อนและพลังแสงอาทิตย์รวมทั้งเป็นสัญลักษณ์ของดวงจันทร์ด้วย
      
       นอกจากนี้บางข้อมูลได้กล่าวถึงความเชื่อเรื่องแมวของอียิปต์ว่า แมวเป็นเทวีบัสเตต (Bastet) มาจุติ เป็นเทพีแห่งดนตรีและการรื่นเริง และยังเป็นผู้ปกป้องเพศหญิงทั้งมวล อีกด้วย
      
       ดังนั้นในฤดูใบไม้ผลิผู้คนมากมายจะพากันไปชุมนุมหน้าแท่นบูชาเพื่อร่วมพิธี แสดงความเคารพต่อเทพีแมว โดยชาวเมืองจะนำเนื้อสัตว์ น้ำผึ้งและผลไม้ รวมทั้งสาวงามที่จะประดับดอกไม้เหนือศีรษะ มาร่ายรำร้องเพลงถวายเทพเจ้า พิธีที่ว่านี้กล่าวกันว่าเป็นที่นิยมทำกันมากว่าสองพันปี ก่อนจะเสื่อมความนิยมและสาบสูญไป
      
       ชาวอียิปต์นับถือแมวถึงขนาด ถ้าบ้านไหนมีแมวตาย คนในบ้านหลังนั้นต้องไว้ทุกข์ด้วยการโกนคิ้วของตัวเองออก และนำซากของแมวไปทำมัมมี่เพื่อเก็บรักษาไว้ และซากของแมวตัวนั้นหากเป็นครอบครัวมั่งมีหน่อย ก็จะห่อด้วยผ้าลินินสองสีและมัดทำลวดลายสวยงาม รวมทั้งมีหน้ากากที่แกะจากไม้ครอบใบหน้าของแมวเอาไว้ด้วย จากนั้นจึงนำไป
       ฝังในสุสาน ณ เมืองบูบาสติส ซึ่งที่นี่นักโบราณคดีค้นพบมัมมี่แมวมาแล้วกว่าสามแสนตัว...
       .......................................
      
       แมว..ถือเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ ค่ะ เราไม่อาจบอกได้ว่า มนุษย์เริ่มนำแมวมาเป็นสัตว์เลี้ยงตั้งแต่เมื่อไร... มีเพียงบันทึกของอียิปต์โบราณ ที่กล่าวถึงการนำแมวมาเลี้ยงในบ้าน
      
       โดยทั่วไปแล้ว เราจัดแมวเป็นต้นตระกูลเดียวกับสิงโตและเสือดาว และเป็นสัตว์ที่กินเนื้อเป็นอาหาร แมวพันธุ์แรกที่ถูกนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงคือ แมวอบิสซิเนียน ( Abyssinian)
       ................................
       แมว...กลายเป็นสัตว์ที่มีความสัมพันธ์กับคติ ความเชื่อและตำนานของมนุษย์หลากหลายถิ่น ซึ่งในบางชนชาติก็มีความเชื่อว่า แมวเป็นสัตว์มงคล ส่วนบางถิ่นฐานก็เชื่อว่าแมวเป็นสัตว์อัปมงคลค่ะ
      
       ประเทศที่เชื่อว่าแมวเป็นสัตว์นำโชค และเป็นที่กล่าวขานไปทั่วโลกอีกแห่งหนึ่งก็คือ ที่ญี่ปุ่นค่ะ...
      
       คนญี่ปุ่นเรียกแมวนำโชคนี้ว่า มาเนะกิ เนะโกะ (Maneki neko) คนไทยมักเรียกแมวนี้ว่า แมวกวัก ด้วยเพราะมีความเชื่อว่า หากนำแมวกวักนี้ไปตั้งไว้หน้าร้านก็จะสามารถเปลี่ยนโชคชะตาของผู้คนจากร้ายให้กลายเป็นดีได้... แมวกวักจึงเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี ด้วยการที่คนๆ นั้นจะวางแมวกวักไว้ในบ้านหรือพกติดตัวไปไหนมาไหนแบบเครื่องรางชนิดหนึ่งก็ได้...
      
       มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานแมวกวักของญี่ปุ่นอยู่พอควรนะคะ แต่ครั้งนี้จะขอกล่าวถึงตำนานหนึ่งที่ชอบเองเป็นพิเศษ...เป็นเรื่องที่เล่าสืบกันมาว่า ความเชื่อเรื่องแมวกวักนั้นมีมานานแล้วตั้งแต่สมัยเอโดะ (ศตวรรษที่ 19 ) หญิงชรายากจนคนหนึ่ง เลี้ยงและรักแมวของตัวเองมาก เธอมีกินเท่าไร ก็แบ่งให้แมวกินด้วยกันเท่านั้น กระทั่งวันหนึ่งไม่สามารถจะเลี้ยงแมวตัวนั้นได้อีกต่อไป เพราะความที่ยากจนมาก...จึงนำแมวไปปล่อย
      
       คืนนั้นเอง นางก็นอนเสียใจร้องไห้ทั้งคืน กระทั่งฝันว่าแมว มาบอกกับนางว่า ให้ปั้นรูปแมวจากดินเหนียวแล้วนางจะโชคดี เช้าวันรุ่งขึ้น...หญิงชราจึงตื่นขึ้นมาปั้นแมวจากดินเหนียว ไม่ทันไรก็มีคนแปลกหน้าเดินผ่านหน้าบ้านขอซื้อตุ๊กตาแมวตัวนั้นจากนางไป
      
       นางก็เพียรปั้นแมวขึ้นมาอีกตัวแล้วตัวเล่า ตุ๊กตาแมวจากการปั้นของนางก็ถูกคนมาขอซื้อไปตลอดเวลา นางจึงเริ่มมีเงินทองจากการขายตุ๊กตาแมว และสามารถนำแมวเลี้ยงสุดที่รักของนางกลับมาเลี้ยงที่บ้านได้อีกครั้งหนึ่ง
      
       ตั้งแต่นั้นมา ก็เลยเป็นที่ร่ำลือว่า แมวเป็นสัตว์นำโชค จึงมีการปั้นและวางแมวกวักไว้ตามที่ต่างๆ นับแต่นั้นมา....
      
       แต่..แมวก็ใช่เป็นสัตว์ที่คนเชื่อว่านำโชค เสมอไปนะคะ ...บางความเชื่อก็เชื่อกันว่ามีแมวปีศาจเช่นกันค่ะ....
      
       ในญี่ปุ่นเรียกว่า เนโกะมาตะ หรือแมวปีศาจ ที่จะปรากฏร่างในยามค่ำคืน ย่องเข้าไปในบ้านที่มีคนชราอยู่ แล้วกัดกินคนชราผู้โชคร้ายนั้นอย่างตะกละตะกลาม จากนั้นค่อยนำกระดูกของเหยื่อไปซ่อนไว้ใต้หลังคาบ้านเพื่ออำพรางแล้วปีศาจแมวตนนั้นก็กลายร่างเป็นคนชราที่เพิ่งถูกกินเข้าไปอยู่ในบ้านนั้นแทน....
      
       ชาวคริสต์เองก็ถือว่าแมวเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย นับตั้งแต่ยุคกลางของยุโรป ที่แมวถูกนำเข้าไปเชื่อมโยงกับพิธีกรรมของกลุ่มนอกรีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมวดำ คนจะเชื่อว่า แมวเป็นตัวแทนของเหล่าซาตาน และแม่มด แมวจึงกลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายและถูกนำมาสังเวยเพื่อการชำระบาปโดยปริยาย....
      
       อย่างไรก็ตาม หลายคนทั่วโลก ก็ยังนิยมและรักแมว และยังถือว่าแมวเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีในด้านต่างๆ และด้วยปีหนูที่ดูระส่ำระส่ายอย่างนี้ ก็ได้แต่ภาวนาขอให้มีแมวที่ปราบหนูตัวนี้ได้อยู่หมัด ข้อสำคัญ น่าจะต้องเป็นแมวนำโชคด้วยนะคะ!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น