7/19/2554

ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ....

       ช่วงเวลาของความหอมหวานในชีวิตคนเรา มีความสั้น ยาว แตกต่างกันไปนะคะ บทเพลงก็ถือเป็นหนึ่งช่องทางในการถ่ายทอดอารมณ์ของคนเรา และหนึ่งในเพลงนั้น ก็น่าจะมี La vie en rose อยู่บ้างนะคะ เพลงนี้มีผู้ขับร้องเป็นครั้งแรกในปี 1945 เธอผู้นั้นก็คือ Edith piaf กล่าวกันว่าเธอเป็นผู้ประพันธ์คำร้องนี้เองด้วย....
       …………………..
       เมื่อเขาโอบฉันไว้ในอ้อมแขน..
       กระซิบกับฉันเบาๆ... โลกทั้งใบก็กลายเป็นสีชมพู...
       คำบอกรักที่แสนสามัญ ทำให้ใจฉันหวั่นไหว...
       เขา ก้าวเข้ามาอยู่ในหัวใจฉัน...
       ...............................
       เขาเกิดมาเพื่อฉัน..และฉันในชีวิตนี้ก็เพื่อเขาผู้เดียว....
       ............................
       คืนแห่งความรักที่ไม่รู้จบ..
       สุขล้นที่มาก่อตัวเป็นริ้ว... ความเบื่อหน่าย ทรมาน...เลือนหาย...สุขล้น.....
      
       ใครจะเชื่อคะว่า คนที่เขียนเพลงที่มีเนื้อหาหวานหยาดเยิ้มเช่นนี้ จะมีประวัติชีวิตที่สุดแสนจะรันทดมาตั้งแต่วัยเยาว์...
      
       Edith Piaf เป็นชาวฝรั่งเศสค่ะ เธอลืมตาดูโลก ณ เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่สวยงามในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ปี 1915 เธอเป็นลูกสาวของพ่อที่มีอาชีพเป็นนักกายกรรมในคณะละครเร่และแม่ที่มีอาชีพเป็นนักร้องคาเฟ่ท์
      
       เรื่องราวชีวิตของเธอถูกนำมาผลิตเป็นภาพยนตร์แล้วหลายครั้ง ล่าสุด คือเรื่อง La vie en rose ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงลูกโลกทองคำครั้งที่ 65 และทำให้ดารานักแสดงสาวในเรื่องได้รับรางวัลนี้ไป...
      
       ในวัยเด็กนอกจากเธอจะไม่ค่อยได้อยู่กับผู้เป็นพ่อแล้ว เธอยังต้องทนต่อการถูกทำร้ายร่างกายจากผู้เป็นแม่ ที่คราใดไม่สบอารมณ์ก็จะมาระบายความคับแค้นกับร่างกายของเธอ กระทั่งในที่สุด Edith ก็ได้ย้ายไปอยู่กับย่าที่สถานนางโลมย่าน Normandy ที่นี่เองเธอได้รับการดูแลเอาใจใส่จากนางโลมที่เอ็นดูเธอดุจญาติสนิท...แต่แล้ว ชีวิตน้อยๆ ก็ต้องผจญกับโชคชะตาที่เล่นตลกกับเธอไม่เว้นแต่ละวัน
      
       เธอติดเชื้อ STD ที่ทำให้มีโอกาสเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ดวงตาของเธอมืดบอดไปชั่วขณะ และในช่วงเวลานั้นเองที่ย่าและนางโลมที่รักเธอ พาเธอไปขอพรจาก Saint Therese de Lisieux ที่ Normandy ซึ่งหลังจากการภาวนาครั้งนั้นทำให้สายตาของเธอกลับมามองเห็นอีกครั้งหนึ่ง...และด้วยจังหวะชีวิตเช่นนี้เอง ที่ทำให้เวลาต่อมา Edith จึงต้องสวดมนต์และห้อยไม้กางเขนทุกครั้งที่เธอร้องเพลง
      
       หลังจากเติบโตอยู่ในสถานนางโลม Edith ก็ต้องออกมาเผชิญโชคกับบิดา ร้องเพลงข้างถนนแลกกับเงินเพื่อประทังชีวิต ก่อนที่เธอจะตัดสินใจแยกตัวออกมาใช้ชีวิตลำพัง และหากินอยู่ตามย่าน Pigalle บริเวณ Moulin rouge
      
       แล้วก็คล้ายดั่งฟ้าลิขิตให้เธอได้พบกับเจ้าของไนท์คลับ นาม Louis Leplée ที่คล้ายเป็นผู้คว้าเพชรเม็ดงามผู้นี้ ขึ้นมาเจียระไนให้เจิดจรัสในวงการเพลงไนท์คลับ หลังจากเธอได้เป็นนักร้องในสถานบันเทิงได้ไม่นาน ในปีเดียวกันนั้น เธอก็ได้รับการทาบทามให้บันทึกแผ่นเสียงทันที ในปี 1935 พร้อมกับได้รับนาม La mome Piaf หรือ The little sparrow จาก Louis อีกด้วย
      
       ใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่า เมื่อเราใดที่เราเปี่ยมสุข พึงระลึกอยู่เสมอว่า ความทุกข์จะดักรอเราอยู่แยกข้างหน้า.... ชีวิตของ Edith ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เธอโด่งดังอยู่ไม่นาน Louis Leplée ผู้ชักนำเธอก็ถูกฆาตกรรม แน่นอน Edith ถูกนำเข้าไปมีส่วนพัวพันในคดีนี้ด้วย....
      
       หลังฝนตก พายุผ่าน ท้องฟ้าจะสดใสอีกครั้งหนึ่ง.... เช่นเดียวกับชีวิตของเธอ ในช่วงปี 1940 ที่ Edith มีโอกาสก้าวเข้าสู่สังคมชั้นสูง ได้รับการฝึกและขัดเกลาการร้องเพลงจาก Jean Cocteau และ Jacques Borgeat กวีผู้เขียนเพลงให้ Edith ร้องมากมาย
      
       Edith Piaf ถือว่าเป็นนักร้องที่อยู่ในยุคก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เคยมีบันทึกว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย เนื่องจากเธอได้รับเลือกให้เข้าไปทำการแสดงในค่ายทหารเยอรมันที่ประจำการอยู่ในฝรั่งเศส หลายคนกล่าวหาว่าเธอเป็นคนทรยศแผ่นดิน แต่เธอก็อ้างว่า สิ่งที่เธอทำไปนั้นเพื่อช่วยเหลือฝรั่งเศสแม้จะไม่ได้ทำโดยตรง แต่การที่เธอเข้าไปร้องเพลงนั้นก็เพื่อป้องกันฝรั่งเศสทางหนึ่งเช่นกัน นอกจากนี้ เธอยังเคยช่วยชีวิตของเชลยศึกชาวยิวจากค่ายนาซีให้รอดพ้นการสังหารมาได้ แม้เพียงไม่กี่คนก็ตาม
      
       ทางด้านชีวิตส่วนตัว Edith Piaf ใช้ชีวิตคู่ตั้งแต่อายุได้ 16 ปีและมีลูกสาวคนหนึ่งที่เสียชีวิตตั้งแต่อายุ 2 ขวบ หลังจากนั้น เธอก็ผ่านชีวิตคู่กับชายหลากหลายอาชีพ ที่ล้วนเข้ามาในชีวิตของเธอแล้วก็จากไป ชายเพียงไม่กี่คน ที่เรียกได้ว่า เป็นคนที่เธอรักมากที่สุด หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นนักมวยเชื้อสายโมรอกโกที่มีครอบครัวแล้ว และต้องมาจากเธอไปด้วยอุบัติเหตุทางอากาศ
       หลังจากนั้น Edith ก็มีคนรักเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ และคนสุดท้ายในชีวิตเธอคือเด็กหนุ่มที่มีอายุต่างจากเธอถึง 20 ปี
      
       Edith Piaf ถือเป็นนักร้องฝรั่งเศสที่ประสบความสำเร็จระดับนานาชาติ หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอได้รับเชิญให้ไปเปิดการแสดงยังประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแถบยุโรป หรืออเมริกา รวมทั้ง แอฟริกาใต้ด้วย
      
       บทเพลงที่ถือเป็นเพลงอมตะของเธอคือ La vie en rose ที่เธอเขียนมันขึ้นมาในปี 1945 และต่อมาในปี 1998 บทเพลงนี้ได้รับรางวัล Grammy hall of fame award และกลายเป็นบทเพลงที่มีนักร้องคนอื่นๆ นำมาขับร้องอีกหลายคนทีเดียว
      
       จากเด็กยากจนในถิ่นสลัม เธอก้าวขึ้นสู่วงสังคมชั้นสูง ด้วยเสียงร้องของตัวเอง เธอเป็นผู้หนึ่งที่เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เกิดมาเพื่อร้องเพลง... ทุกครั้งที่เธอเปล่งเสียงร้อง ดูราวกับว่า เธอกำลังเล่าเรื่องรันทดในชีวิตของเธอให้กับผู้ฟัง ได้กำซาบถึงบทเพลงนั้นๆ ได้อย่างถึงอารมณ์
      
       เธอจากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 47 ปี ในปี 1963 ด้วยโรคมะเร็งตับ หลังการเสียชีวิตของเธอ ทางศาสนจักรโรมันคาทอลิค ไม่รับทำพิธีศพ ด้วยเพราะการปฏิบัติตัวที่ไม่เหมาะสมของ Edith ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการครองรัก หรือสิ่งเสพติดที่เธอเองก็ไม่อาจถอนตัวจากมัน
      
       แต่กระนั้นพิธีศพของ Edith Piaf ก็มีผู้รักในเสียงร้องและตัวเธอเข้าร่วมพิธีกว่าสี่หมื่นคน ร่างของเธอถูกฝังอยู่ที่บ้านเกิด ในกรุงปารีส และต่อมารัฐบาลฝรั่งเศสได้สร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นเกียรติแก่เธอ ที่กรุงปารีส รวมทั้งมีอนุสาวรีย์เพื่อระลึกถึงเธอในเขตบ้านเกิดของ Edith อีกด้วย
      
       Edith Piaf ถือเป็นนักร้องตำนานเพลงป๊อบของฝรั่งเศสในยุคแรกๆ บทเพลงที่เธอขับขานบอกเล่าถึงชีวิตอันผันผวนของเธอ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตข้างถนน หรือการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ด้วยสิ่งเหล่านี้เอง ที่หล่อหลอมให้คนทั่วโลกรู้จักเธอและบทเพลงของเธอ La vie en Rose.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น