ช่วงที่ร้อนระยับขนาดนี้ ดิฉันนึกถึงเสียงของผู้หญิงคนนี้ค่ะ เสียงที่ใครๆ มักจะบอกว่าเธอร้องเพลงได้เศร้าจับใจ และทำให้นึกถึงเพลง strange fruit ที่ทำให้ศิลปินหญิงผู้นี้กลายเป็นที่จับตาของคนในยุคที่ยังมีความรุนแรงเรื่องการเหยียดผิวในสหรัฐอเมริกา
บิลลี่ ฮอลิเดย์ Billie Holiday
ใครที่ชื่นชอบเพลงแนวแจ๊ส คงไม่มีใคร ไม่รู้จักเธอผู้นี้ ศิลปินที่กลายเป็นต้นแบบให้นักร้องรุ่นหลังยึดเป็นแบบอย่าง....แต่หากเราจะมองชีวิตจริงของเธอแล้ว หลายคนคงไม่อยากเผชิญชีวิตเยี่ยงเธอหรอกค่ะ
ทุกครั้งที่ดิฉันนึกถึงบิลลี่ ฮอลิเดย์ ก็อดคิดไม่ได้ว่า ครั้งที่เธอยังมีลมหายใจอยู่นั้น เธอคิดอะไร เธอเลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำร้ายตัวเองหรือไม่ หรือเป็นเพราะความอ่อนแอที่ทำให้เธอผลักตัวเองเข้าสู่ด้านมืดทุกรูปแบบของชีวิต....เธอขังตัวเองอยู่ในมุมมืด ปิดรับความรื่นรมย์ทุกอย่าง ทั้งยังปฏิเสธหนทางชีวิตที่สดใสอีกด้วย
คล้ายเธอตระหนักดีว่า เธอเกิดมาเพื่อความทุกข์ระทม และเป็นตัวแทนของมนุษย์ผู้ถูกกระทำทุกรูปแบบจากสังคม เสียงร้องที่เปล่งออกมาจากเธอ จึงเปรียบเสมือนความขมปร่าที่ใครก็ไม่อยากลิ้มลอง
เริ่มจากเธอเกิดมาจากความบังเอิญของผู้ได้ชื่อว่าเป็นพ่อและแม่ มีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น ไม่เคยรู้จักความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว เธอถูกส่งไปอยู่กับญาติและถูกผู้ชายข่มขืนเมื่ออายุได้เพียง 11 ปี หลังจากนั้นเธอก็ถูกส่งตัวไปบำบัดเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ ก่อนจะได้ย้ายไปอยู่กับแม่ที่นิวยอร์ก
ในวัยสาวบิลลี่ ฮอลิเดย์หรือ Eleanora Fagan Gough อาศัยอยู่ในสถานนางโลมกับผู้เป็นแม่ และที่สุดเธอก็หันไปยึดอาชีพนี้อยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เธอและเด็กหญิงอีกหลายคนจะถูกจับในข้อหาคนเร่ร่อน
ชีวิตที่ระหกระเหินของบิลลี่ ฮอลิเดย์ในช่วงนั้น ทำให้เธอมีโอกาสได้พบกับโอสถชโลมใจ นั่นคือเสียงเพลงแจ๊สและลีลาการร้องของเบสซี่ สมิท Bessie Smith รวมทั้งเธอยังชื่นชอบลีลาการเปล่งเสียงและท่วงท่าของหลุยส์ อาร์มสตรอง Louis Armstrong อีกด้วยและที่สำคัญ มันทำให้เธอพบ ‘ทาง’ ของตัวเอง ด้วยการตัดสินใจทดลองร้องเพลงในเวลาต่อมา
หลังจากพ้นโทษเด็กสาวเอเลนอรา ก็หันมาเอาดีทางด้านร้องเพลง เธอพบว่ามันทำรายได้เลี้ยงชีพได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการขายเรือนร่างตัวเอง ความโดดเด่นของลีลาและน้ำเสียงของเธอทำให้เธอก้าวสู่ถนนสายนี้ได้ไม่ยาก เธอตัดสินใจขอยืมชื่อดาราคนโปรด บิลลี่ โดฟ Billie Doveและหันมาใช้นามสกุลพ่อของตัวเอง ฮอลิเดย์ เธอจึงกลายมาเป็น บิลลี่ ฮอลิเดย์ นับแต่นั้น
เธอโด่งดังในเวลาอันรวดเร็ว อาจเป็นเพราะพรสวรรค์ในการเปล่งเสียงที่เธอเคยกล่าวไว้ว่า ถ้าจะต้องร้องเพลงเหมือนกับคนอื่นๆ เธอขอไม่ร้องเลยเสียดีกว่า....
ในยุคที่บิลลี่ฮอลิเดย์มีชีวิตอยู่นั้น สถานการณ์ของสังคมชาวอเมริกันยังคงคุกรุ่นไปด้วยปัญหาการเหยียดผิว แน่นอนเธอเองก็ได้รับผลกระทบนี้จากสังคมด้วยเช่นเดียวกัน เธอตัดสินใจยึดอาชีพร้องเพลงในปี 1930 และได้รับการชักชวนให้บันทึกแผ่นเสียงจากเบนนี กูดแมน ในเพลง your mother’s son in low โดยออกสู่สาธารชนครั้งแรกในวันที่ 27 พฤศจิกายน ปี 1933
นั่นถือเป็นก้าวแรกในถนนสายดนตรีของบิลลี่ ฮอลิเดย์ เธอทำมันได้อย่างงดงาม และหลังจากนั้น บิลลี่ก็ตระเวนร้องเพลงและทำงานร่วมกับคณะดนตรีหลากหลาย ครั้งหนึ่งเธอเคยถูกให้ออกจากวงด้วยคำให้สัมภาษณ์ของตัวเองว่า จะไม่ร่วมงานกับนักร้องบลูส์ผิวขาว !!
หลังจากนั้นไม่นาน บิลลี่ ฮอลิเดย์ก็ได้รับการทาบทามให้ร่วมร้องและเล่นกับนักดนตรีผิวขาวทั้งวง เธอตัดสินใจเข้าร่วมกับวงดนตรีวงนี้ ในขณะที่กระแสต่อต้านคนผิวดำยังคงปกคลุมทั่วอเมริกา ผู้สนับสนุนรายการวิทยุต่อต้านเธอ และตัดเพลงที่เธอร้องออกจากโปรแกรมออกอากาศ ด้วยเหตุผลว่า ผู้ฟังไม่ต้องการได้ยินเสียงร้องของเธอ....
บิลลี่ตัดสินใจเดินออกจากวงดนตรีคนผิวขาววงนั้น และได้งานร้องเพลงที่คาเฟ โซไซตี้ คลับแหล่งรวมของคนทุกเชื้อชาติ ไม่มีการแบ่งแยกสีผิว ที่นี่เอง ที่ทำให้เธอได้ประกาศตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับคนผิวขาวในสหรัฐอเมริกาอย่างชัดเจน ด้วยการร้องเพลง Strange fruit…..
หลายคนกล่าวว่า เพลงนี้ถูกแต่งมาเพื่อเธอ เพราะคงไม่มีใครร้องมันได้บาดลึกเข้าไปในก้นบึ้งของหัวใจเท่ากับบิลลี่ ฮอลิเดย์อีกแล้ว
Strange fruit เป็นเพลงที่มีเนื้อหาประชดประชันสถานการณ์ของชาวผิวดำในสหรัฐอเมริกาช่วงนั้น เปรียบดั่งพวกเขาเป็นผลไม้ประหลาดที่ถูกแขวนห้อยโตงเตงอยู่กับต้นไม้อาบเลือดที่ชโลมจากผิวใบลงสู่โคนรากของมัน
เนื้อเพลงที่สะเทือนอารมณ์เช่นนี้เป็นบทกวีของชาวยิวในอเมริกาเขาใช้นามปากกาในการแต่งครั้งนั้นว่า ลิวอิส อัลเลน Lewis Allen แน่นอนเมื่อมันถูกขับร้องโดยนักร้องผิวสีที่แสดงออกอย่างชัดเจน ว่าเธอต่อต้านการทำทารุณและเหยียดสีผิว มันจึงกลายเป็นบทเพลงที่สั่นสะเทือนผู้ฟังได้ถึงที่สุด....
Strange fruit กลายเป็นเพลงประจำตัวของบิลลี่ ฮอลิเดย์ไปโดยปริยาย เธอถูกขอร้องจากแฟนเพลงให้ขับขานบทเพลงนี้ให้ฟังมากที่สุด กระทั่งเธอตัดสินใจขอให้ค่ายเพลงโคลัมเบียบันทึกแผ่นให้ แต่..เธอก็ได้รับการปฏิเสธ แม้กระนั้น บทเพลงนี้ยังมีผู้สนใจ และได้รับการบันทึกเสียงโดยค่ายคอมมอดอร์
หลังจากแผ่น strange fruit วางจำหน่าย บรรดาสถานีวิทยุก็ยังต่อต้านบทเพลงนี้ด้วยการแบนไม่เปิดออกอากาศ แต่นั่นมันกลับยิ่งทำให้เพลงบทนี้เป็นที่ต้องการของใครหลายคน ดั่งคลื่นใต้น้ำที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
บิลลี่ ฮอลิเดย์โด่งดังจนถึงขีดสุดในช่วงปี 1939 หลังจากบทเพลงผลไม้ประหลาดนั้นถูกวางจำหน่าย เธอได้กลับมาบันทึกเสียงอีกครั้งกับค่ายโคลัมเบีย ด้วยบทเพลงที่เธอเขียนมันขึ้นมาเอง God bless the child และหลังจากนั้นผลงานเพลงของเธอก็ออกสู่สาธารณะอีกมากมาย
ดั่งที่ดิฉันเกริ่นไว้ตั้งแต่ต้น...หากจะให้มองลึกเข้าไปถึงใจของศิลปินหญิงผู้นี้ ดิฉันก็ได้แต่ตั้งคำถามว่า เธอมีชีวิตอยู่เพื่อจะทำร้ายตัวเอง จริงๆ หรือว่าเธออ่อนแอต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเธอกันแน่
ปี 1940 เธอเริ่มต้นใช้ยาเสพติดทั้งเฮโรอีนและฝิ่น และหลังจากนั้นมันก็นำเธอดิ่งลงไปในอีกด้านหนึ่งของชีวิต เธอถูกจับกุมและจองจำอยู่นานถึง 8 เดือน ด้วยข้อหามีเฮโรอีนในครอบครองหลังจากพ้นโทษเธอก็สูญเสียทุกอย่าง ไปอย่างรวดเร็ว...
ในปี 1957 บิลลี่ ฮอลิเดย์กลับมาเฉิดฉายอยู่บนเส้นทางดนตรีได้อีกครั้งหนึ่ง ครั้งสุดท้ายที่เธอได้ออกอากาศเพื่อแสดงพลังการร้องเพลงของเธอคือรายการ The sound of Jazz ทางCBS และหลังจากนั้นอีก สองปี เธอก็จากโลกนี้ไป ด้วยอาการทางหัวใจและตับรวมทั้งการเสพเฮโรอีนเกินขนาดของตัวเอง
วาระสุดท้ายของชีวิตบิลลี่ ฮอลิเดย์ไม่เหลืออะไรติดตัวเลย เธอสูญเสียมันไปทุกอย่าง ชีวิตของผู้หญิงคนนี้ที่เกิดมาอย่างโดดเดี่ยว ช่วงเวลาที่เธอมีลมหายใจอยู่ เธอคงต้องต่อสู้กับจิตใจของตัวเองไม่น้อย เธอคงต้องให้กำลังใจตัวเองในการมีชีวิตอยู่ มีลมหายใจ...แต่แล้ว เธอก็อ่อนแอเกินกว่าจะหยัดยืนบนสังคม บนโลกนี้ได้ เธอจึงตัดสินใจใช้ยาเสพติด ค่อยๆ ทำร้ายตัวเอง กระทั่งจากโลกนี้ไป...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น